เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2565 ได้มีพิธีลงนามสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ ระหว่าง GPSC และ NUOVO PLUS เพื่อดำเนินการโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การผลิต การศึกษา วิจัย และดำเนินการการพัฒนาธุรกิจแบตเตอรี่ให้กับ NUOVO PLUS โดยคาดว่าการดำเนินการโอนสินทรัพย์จะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,428 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน โดยมุ่งเป้าหมายกำลังการผลิตแบตเตอรี่ 5-10 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปี ในปี 2573
การโอนทรัพย์สินครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นแผนการขับเคลื่อนธุรกิจแบตเตอรี่ของ NUOVO PLUS ทั้งการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร เทคโนโลยีและเงินทุน การขยายโอกาสการลงทุน EV Value Chain ของกลุ่ม ปตท. กับธุรกิจแบตเตอรี่ของ GPSC เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนการผลิตจาก Economy of Scale โดยมีเป้าหมายขยายกำลังการผลิตเป็นระดับกิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) เพื่อโอกาสการขยายตลาดไปสู่ระดับภูมิภาค ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าว GPSC จะดำเนินการโอนถ่ายเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ SemiSolid ของ บริษัท 24M Technologies เพื่อนำไปสู่การผลิตและจัดจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ต่อไป
นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า การร่วมทุนดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อขยายธุรกิจแบตเตอรี่ของ GPSC และกลุ่ม ปตท. เข้าสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในและนอกประเทศ เป็นก้าวที่สำคัญของความร่วมมือที่นำจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายมาผนึกกำลังมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน เดินหน้าเข้าสู่ Ecosystem ของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถรองรับเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตของประเทศ ซึ่ง GPSC มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน ที่สามารถนำเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิตแบตเตอรี่ มาประสานความร่วมมือกับ ปตท. ที่จะมุ่งสู่การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) เพื่อตอบโจทย์การขยายตัวของอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ การบริหารจัดการพลังงานและพลังงานทดแทน รองรับตลาดระดับภูมิภาคได้อีกด้วย
นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บมจ. ปตท. (PTT) และ ประธานกรรมการ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็นฐานการผลิต EV และชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก ตามนโยบาย 30/30 ของรัฐบาล คือตั้งเป้าผลิตรถ ZEV ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573 ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต Powering Life with Future Energy and Beyond ของกลุ่ม ปตท.
โดยจัดตั้งบริษัท NUOVO PLUS ซึ่งเป็นการร่วมทุน ระหว่าง ARUN PLUS และ GPSC เป็นผู้รับผิดชอบทางด้านธุรกิจแบตเตอรี่ โดยความร่วมมือดังกล่าวนี้ เป็นการนำศักยภาพด้านนวัตกรรม การตลาด และห่วงโซ่อุปทานของทั้งกลุ่มมารวมกัน เพื่อเร่งผลักดันการสร้าง EV Value Chain ของ กลุ่ม ปตท. ให้คลอบคลุมในทุกมิติ ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยการผลิตแบตเตอรี่เพื่อยานยนต์ไฟฟ้าถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ในการสร้างนิเวศวิทยาทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศบนฐานของเทคโนโลยี นำพาประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เศรษฐกิจมูลค่าเพิ่ม และการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
นายประสงค์ อินทรหนองไผ่ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจใหม่ PTT และ กรรมการ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือว่า การลงนามในสัญญาซื้อขายทรัพย์สินระหว่าง NUOVO PLUS และ GPSC ในวันนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของการรับมอบภารกิจสำคัญของ กลุ่ม ปตท. ในการก้าวสู่ธุรกิจการผลิตแบตเตอรี่รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและภูมิภาค ซึ่ง GPSC ได้ริเริ่มการพัฒนาโครงการผลิตแบตเตอรี่ต้นแบบด้วยเทคโนโลยี SemiSolid จนสามารถผลิตแบตเตอรี่ส่งมอบให้กับลูกค้าในการพัฒนา Application ร่วมกัน
โดย NUOVO PLUS จะเป็นผู้สานต่อภารกิจในการมุ่งขยายกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์ในระดับกิกะวัตต์ชั่วโมง พร้อมกับพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ต่าง ๆ ของ กลุ่ม ปตท. ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาให้เข้าสู่ระดับโครงการต้นแบบและเชิงพาณิชย์ โดยการดำเนินธุรกิจของ NUOVO PLUS จะขยายขอบเขตให้ครอบคลุม Battery Value Chain ที่กว้างขึ้น ทั้งในส่วนของแบตเตอรี่โมดูล (Module) และแบตเตอรี่แพ็ค (Battery Pack) พร้อมทั้งเปิดรับพันธมิตรทางธุรกิจที่จะร่วมสร้างความแข็งแกร่งและเสริมศักยภาพธุรกิจแบตเตอรี่เพื่อยานยนต์ไฟฟ้าสู่การผลิตในระดับ 5 – 10 กิกะวัตต์ชั่วโมงตามเป้าหมายต่อไป
การร่วมทุนในครั้งนี้ NUOVO PLUS จะเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่ที่ใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานต่าง ๆ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าแบตเตอรี่ในทุกกลุ่มอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ประกอบด้วย
(1) กลุ่ม Mobility ได้แก่ EV, E-bike, E-tuktuk, golf cart, small EV, E-bus, E-truck และ E-boat เป็นต้น
(2) กลุ่ม Stationary ได้แก่ ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ระบบสำรองไฟ (UPS) ระบบชาร์จไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่สถานีบริการ เป็นต้น นอกจากนี้ NUOVO PLUS ยังมีภารกิจในการจัดหา ให้บริการและจำหน่ายอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด EV ทั้งในประเทศและภูมิภาคอีกด้วย